admit & surgery ครั้งแรกจาก Chocolate Cyst ๑

Apivadee Piyatumrong
2 min readFeb 21, 2020

--

ประมาณราวสองปีที่แล้ว ที่เริ่มรู้สึกตัวว่าประจำเดือนมาผิดปกติ แต่คิดไปเองว่าเพราะเครียด และอายุเริ่มเยอะ ดังนั้นถ้ามันจะเปลี่ยนแปลงบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงไม่ได้ผิดแผกอะไร ซึ่งต้องบอกเลยว่า “คิดผิด” อย่างแรง

ผ่านมาเมื่อเดือนตุลาคม 2562 เกิดอาการปวดท้องน้อยด้านซ้ายรุนแรงตั้งแต่เช้า อดทนบนรถบริการของออฟฟิศไปจนถึงห้องทำงาน เกือบ 9 น. น้องที่ออฟฟิศตัดสินใจหอบขึ้นมอเตอร์ไซค์พาไปห้องฉุกเฉินที่ รพ. ธรรมศาสตร์ ซึ่งห้องฉุกเฉินไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเข็นจากตึกฉุกเฉิน พาไปนอนรอที่แผนกผู้ป่วยนอก (ยังมีความงงจนถึงตอนนี้ว่าฉุกเฉินสำหรับที่นี่ต้องมีอาการหรือเงื่อนไขอย่างไรจึงจะได้รับการประเมินคัดกรองแบบฉุกเฉิน)

แต่ด้วยความเป็นคนอึด เมื่อพยาบาลคัดกรองที่ผู้ป่วยนอกถามว่า “1 ถึง 10 ระดับความเจ็บปวด คุณเจ็บอยู่ที่เท่าไรคะ” ตอบไปว่า “6 ค่ะ” ทั้ง ๆ ที่นอนน้ำตาไหล พยาบาลก็บอกให้รอไปจ้า เพราะญาติต้องเป็นคนไปเดินเอกสารให้ เลยต้องรอน้องที่แว๊นพามาช่วยมาทำเรื่องให้

กว่าจะได้พบหมอ

11 โมงได้พบคุณหมอ ซึ่งตรวจไม่เจอสาเหตุจากการกดบริเวณหน้าท้องทั้งหมด ทำให้คุณหมอบอกว่าต้องไป x-ray & ultrasound ซึ่งน่าจะต้องรอคิวใหม่อีกสองชั่วโมง

ตัดสินใจกลับ เพราะหมดศรัทธากับโรงพยาบาล ประกอบกับว่าอาการทุเลา จึงคิดว่าน่าจะลำไส้อักเสบ ตามประสาที่เคยเป็นมาแน่นอน เพราะมันปวดมากแต่ก็หายไป

สามเดือนผ่านไป อาการปวดท้องด้านซ้าย ไม่รุนแรง แต่ไม่หายไป เริ่มเปรยกับพ่อว่าเราควรไปตรวจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้นัดหมอหรืออะไร จนกระทั่งวันไหว้ตรุษจีน ซึ่งรับหน้าที่เป็นแม่ครัวช่วยจัดของไหว้ต่าง ๆ นา ๆ อาการปวดท้องเริ่มรุนแรงขึ้น ในขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านก็เริ่มบอกว่า “ไว้ซักชิวสี่ค่อยไปหาหมอนะ ช่วงนี้ตรุษจีน” ไอ้เราก็นึกในใจว่า เอ่อ ชีวิตชั้น ต้องรออะไรแบบนี้สินะ (ฮ่าๆๆๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน)

วันรุ่งขึ้น วันตรุษจีนจ้า ชิวอิก เดินกุมท้องลงมาหาพ่อว่าหนูปวดมาก นอนโอดโอยกอดจารย์เหมียวที่โซฟา ซึ่งจารย์เหมียวก็เหมือนจะรับรู้นอนนิ่งจ้องหน้าไม่ยอมไปไหนเลย พ่อโทรหาแผนกทางเดินอาหารที่เราไปหาบ่อย ๆ ว่ามีหมอไหม ทำนัด แล้วบอกให้เราไปแต่งตัวเลย ไปโรงพยาบาลกัน!!! ดีใจมากที่ไม่ต้องรอถึงชิวสี่!!!

โอดโอยตลอดทาง พยายามหายใจลึกอย่างโยคะ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดโดยตลอดจนถึงโรงพยาบาลธนบุรี

บทเรียนจากการเข้าโรงพยาบาลแบบปวดท้องมากคราวที่แล้วสอนไว้ ชั้นรู้แล้วว่าจะไม่ยอมบอกระดับความเจ็บแบบคนอึดอีกต่อไป พอพยาบาลถามว่าปวดระดับไหนคะ “8 ค่ะ!!!” พยาบาลให้นอนเตียง จับหาคุณหมอทันที คุณหมอสอบถามไม่กี่คำ ก็มาตรวจกดช่องท้อง พร้อมบอกว่าอาการนี้ผมให้ความเป็นไปได้สามอย่างเท่านั้นคือ

หนึ่ง ลำไส้อักเสบ, สอง กรวยไตอักเสบ หรือสาม ปัญหาเกี่ยวกับมดลูก

ผมขอตัดเรื่องลำไส้ออกไปเพราะไม่น่าปวดขนาดนี้ และตรวจดูแล้วไม่มีอาการจากลำไส้ แล้วสั่งให้ฉีดยาแก้ปวดเข้าเส้นเพื่อบรรเทาอาการทรมาน และตรวจปัสสาวะเพื่อเช็คเรื่องกรวยไตอักเสบ ซึ่งผลออกมาปกติ คุณหมอส่งตัวไปนรีเวชทันที

สภาวะปกติของมดลูกและปีกมดลูก

เข้าไปในห้องตรวจแบบงุนงง และหมอให้ทำอัลตราซาวน์ทันที

“หมอคิดว่าเจอสาเหตุแล้วค่ะ มันคือซีสนะคะ ก้อนใหญ่เชียว 7 c.m. กว่าๆเลยนะคะ ต้องผ่าตัดเท่านั้นค่ะ จะผ่าเลยดีไหมคะ เปรี้ยงงงงง!!! อะไรมันจะรวดเร็วขนาดนั้นคะหมอ หัววิ้ง งานผุดเต็มหัว schedule มากมาย แถมยังมีจารย์เหมียวนัดหาหมอ พ่อนัดหาหมอ ยัง ยังผ่าไม่ได้ เดี๋ยวก่อน!!!!!!!!!!!!!!!!!

หลังจากเริ่มมีสติ ก็ค่อยๆสอบถามเติมความรู้ และยื้อเวลาให้กับตัวเองได้ตัดสินใจ เอาจริง ๆ คือ ไม่คิดว่าคนแข็งแรง ออกกำลังกาย แมน ๆ อย่างเราจะเป็น 555

นอกจากนี้เรายังไม่เคยตรวจภายใน ซึ่งบาปมาก ผู้หญิงทุกคนคะ อย่างที่หมอบอกและโฆษณาค่ะ เกิน 35 ต้องตรวจภายในแล้วนะคะ

เอาล่ะ สรุปว่าต้องผ่า และระหว่างการตัดสินใจผ่าเมื่อไรอย่างไร ต้องงดกระโดดโลดเต้น งดเดินเยอะ เนื่องจากหมอกลัวว่ามันจะแตกได้จ้า

ไหนๆจะต้องผ่าแน่นอนละ ขอดูค่าใช้จ่ายสักหน่อย
“อ๋อ ถ้าส่องกล่องเริ่มต้น 140,000 บาทค่ะ”

หืมมมมมม “เริ่มต้น” นะคะ … ไม่รีรอค่ะ เช็ค รพ. อื่นก่อนได้ความว่า

ธนบุรี — 140,000
ปิยมหาราชการุณ — 120,000
ศิริราช — 80,000

ประกอบกับคุณหมอที่หาด้วยที่ธนบุรี ผ่าแบบเปิดหน้าท้องเท่านั้น จึงไปหาหมอที่ปิยการุณฯ ตามที่พี่ผู้ใหญ่แนะนำมา ซึ่งพอปรึกษาหมอถึงความเสี่ยงต่าง ๆ จากการผ่าตัดแล้ว คุณหมอก็ถามเรื่องสิทธิการรักษา พอคุณหมอเห็นเงื่อนไขการรักษาของที่ทำงานเท่านั้นแหละ คุณหมอก็พูดด้วยนำ้เสียงแน่วแน่ว่า “ไปผ่าที่ศิริราชกันดีกว่าครับ เราน่าจะคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า”

ตอนหน้ามาเล่าต่อเรื่องการนัดหมายผ่าตัด และวัน d-day ลงมีดกับการพักฟื้นกัน

--

--

No responses yet